***** “เปิดโลกด้วยมุมมองใหม่เสียบ้าง” *****
ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ
การอยู่ในสังคมนั้น ความถูกใจ ไม่ถูกใจมันเกิดเป็นธรรมดา
โลกเรามันอาศัยสมมุติในผัสสะเป็นเครื่องดำเนินชีวิต
คนเขาโกรธเกลียดเรา เพราะความไม่เข้าใจเรานี่ มันเป็นธรรมดา
ขอให้เรามองว่า
เขาก็เป็นธรรมชาติของเขาเช่นนั้น
หากอภัยได้ด้วยความเข้าใจธรรมดาของโลก
นี่เป็นใจที่เป็นทาน
ทุกคนเกิดกำเนิดมา ไม่มีใครที่จะสมหวังในทุกสิ่ง
หากเราสมหวังในทุกสิ่ง
เราจะหาพื้นที่ว่างมากขนาดใหนที่จะเอาความสมหวังนั้นมาวางกองไว้ ตลอดชีวิตของเรานี้
ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างนี่ เป็นธรรมดา
เราเข้าใจไว้เถิดว่า โลกมันมีธรรมดาของมันเช่นนี้เอง
รักกันไว้ดีกว่า ที่จะมาโกรธ เกลียด และทำลายกัน
เราคนไทยขอให้รักกัน
ซักวัน..เราก็จำต้องจากกันไปอยู่ดี ไม่ว่าจะอยู่ด้วยอารมณ์ เกลียดหรือรัก
——
หวัดดียามเที่ยง ..
เราย่อมไม่พอใจ เมื่อมีใครมาให้ร้าย ทำลาย ว่ากล่าว นี่เป็นธรรมดา
แต่เราเลือกได้ ที่จะยึดเอามันมาเป็นทุกข์
หรือเข้าใจในความเป็นธรรมดาของมัน
ชีวิตนั้นต้องเผชิญเรื่องราวหลากหลายมากมายในแต่ละวัน
เราควรจดจำแต่สิ่งดีๆ ที่มีค่าต่อกัน
ดีกว่าจดจำสิ่งที่เลวร้ายต่อกัน ด้วยความไม่เข้าใจ ในธรรมดา ที่ทุกคนจำทนต้องเผชิญ
โลกนั้นมันมีหลายด้าน
ผิดเราอาจถูกเจด้วยเหตุผล
โลกตัดสินอย่างหนึ่ง แต่ความจริงอาจเป็นอีกอย่างหนึ่ง
เราจะมีสำนึกเสียใจไหม หากเราเป็นคนกำหนดและเป็นผู้ไปตัดสินเขา
คุณครูเลขคณิตออกข้อสอบให้นักเรียนด้วยโจทย์ที่ว่า
เรามีเงิน 10 บาท ซื้อหนมสามบาท แม่ค้าจะทอนให้เราเท่าไหร่….
ก. 7 บาท
ข. 2 บาท
ค. 1 บาท
ง. ไม่ทอนซักบาท
คุณครูกาให้คะแนนคนที่ตอบข้อ ก. คือ 7 บาท เป็นข้อที่ถูก
คนตอบ ข. ค. ง. 2 บาท 1 บาท และไม่ทอนอะไรเลยต่างผิดหมด
นี่..โลกเขามองความจริงตรงๆ กันอย่างนี้
แต่ไอ้ความจริงมี 10 บาท ทอนเท่าไหร่นี่ มันยังไม่จริง
มันไม่จริงอย่างไร… ทำไมถึงไปบิดเบือนโลกแห่งความจริงของคนทั้งโลก
ไอ้ทอน 7 ยาทน่ะมันก็ถูก ถ้าเป็นเหรียญสิบ
แต่เจ้าเด็กตอบข้อ ข. 2 บาท คือเงินทอน ให้เขาผิดเขาไม่ยอม
เขาบอกว่าเขาตอบถูก ไม่ได้ผิดอะไรเลย ให้เขาผิดได้ไง
เขามี 10 บาท แต่เขามีเหรียญ 5 สองเหรียญ ซื้อหนม 3 บาท แม่ค้าย่อมทอน 2 บาท นี่เขาก็ถูก
เด็กตอบข้อ ค. เขาก็ว่าเขาถูก เขาไม่ยอมเหมือนกัน
เขามี 10 บาท แต่เขายื่นเหรียญ 2 บาทให้แม่ค้าสองเหรียญ หนม 3 บาท แม่ค้าก็ต้องทอนให้เขามา 1 บาท เขาตอบผิดตรงไหน
เด็กตอบข้อ ง. ไม่ทอนซักบาท เขาก็ไม่ยอม
เขามีเหรียญบาทอยู่ 10 เหรียญ
ในเมื่อเขาเอาเหรียญบาทให้แม่ค้าไป 3 เหรียญ
แม่ค้าจะทอนให้เขาได้อย่างไร..
นี่..ความจริงมันมีเหตุอีกหลายด้าน
การตัดสินจากเหตุแค่ด้านเดียว และปลงใจบอกว่าเหตุผลมันมี และถูกต้องตามเหตุนั้นๆ นี่
บางครั้ง ความเป็นจริง ในเหตุเดียวกัน
มันจะไปบอกว่าผลนั้นๆ มันเป็นความผิด มันก็ไม่ใช่
คนเราทุกคนเกิดมาแล้ว ควรเปิดโอกาสให้ความจริงหลายๆ ด้าน ที่เรานึกและคาดไม่ถึง ได้มีโอกาสได้แสดง
ความคิดกับความเป็นจริง มันไม่แน่นอนว่าทุกสิ่ง จะต้องเป็นไปตามเหตุผลของตน
อันเป็นเจ้าของคิด ว่ามันถูกเสมอไป ด้วยความเป็นเจ้าของความจริงตามเหตุตามผลที่โลกเขาคิดกัน
ความคิด มันอาจถูกและผิด เพราะเกิดจากตรรกะแห่งเรา
แต่ความจริง มันอาศัยเหตุและผลอันมีปัจจัยหลากหลาย มาประกอบ
เราควรมองโลกออกไปในหลายๆด้าน
อย่าเพิ่งมองด้านความคิดอันเป็นมุมมองที่ออกจากรูแคบๆจากตรรกะอันเฮงซวยของสมองเรา
ทุบกำแพงอัตตาที่ก่อขึ้นมาเป็นอิฐความรู้ที่บดบังความจริงของโลกเสียบ้าง
โลกนั้นกว้างใหญ่น่ะไอ้น้อง
ไม่ได้อุดอู้คับแคบตีบตันอยู่แต่ในรูความคิด ที่จมปักอยู่แต่ในกำแพงอิฐแห่งตัวตน ที่ก่อขึ้นมากักขังใจตนเอง
โลกมันมีหลายด้าน
เข้าใจและฝึกให้อภัยในความผิดพลาดของตนและผู้อื่นเสียบ้าง
เรา..จะได้มีที่ยืนบนโลกใบนี้อย่างมีความสุข
—————-
พระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันศุกร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐